ทานเจลแบบไหน ไม่ให้ท้องเสีย ???
ทานเจลแบบไหน ไม่ให้ท้องเสีย ???
นักวิ่งหรือนักปั่น หลายคนคงเคยตัองเข้าห้องน้ำ กลางทางด้วยอาการท้องเสีย (diarrhea) จากการทานเจล
อาการท้องเสียที่เกิดขึ้น จากการทานเจลระหว่างการวิ่งหรือปั่น เกิดจากคนละสาเหตุกับอาการท้องเสีย จากอาหารเป็นพิษ
ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ (secretory diarrhea) เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อน เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือ ปรสิต ซึ่งมักมีอาการภายหลังจากการรับประทานอาหาร เป็นชั่วโมง และหลังจากหยุดทานอาหารชนิดนั้นก็ยังไม่หาย
ส่วนท้องเสียจากการทานเจลระหว่างการออกกำลัง (osmotic diarrhea) ไม่ได้เกิดจากการปนเปื้อนของอาหาร
แต่เกิดเนื่องจากการรับประทานเจลที่มีความหนืดหรือความเข้มข้นสูง แล้วดื่มน้ำตามไม่เพียงพอหรือเกิดจากการทานเจลในภาวะที่ร่างกายขาดน้ำ (dehydration) เช่น ตอนที่ร่างกายเสียเหงื่อในปริมาณมาก
เจลให้พลังงานมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูงเมื่อเทียบกับ ปริมาตร (hypertonic) หรือถ้าพูดง่ายๆ คือต้องการน้ำเพื่อช่วยลดความเข้มข้นของเจลลง ในการดูดซึมที่ลำไส้เล็ก …
หากเราดื่มน้ำตามไม่พอ … น้ำจากเลือดจะถูกดึงมาที่ลำไส้เล็ก เพื่อช่วยในการดูดซึม คาร์โบไฮเดรตและแร่ธาตุในเจล …
แต่เมื่อเรายิ่งวิ่ง ยิ่งเหนื่อย ร่างกายเสียน้ำ ออกทางเหงื่อมากขึ้น น้ำจึงถูกแบ่งมาช่วยในการดูดซึมน้อยลง
ประกอบกับ กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้น เลือดส่วนใหญ่จึงถูกส่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ใช้งาน เพื่อนำสารอาหารและออกซิเจนไปให้กล้ามเนื้อ รวมถึงนำของเสียและ กรดแลคติก (lactic acid) ออกจากกล้ามเนื้อ …
ดังนั้นเลือดที่มาเลี้ยงระบบย่อยอาหารจะลดลง กระบวนการนี้เรียกว่า (vascular shunt mechanism) ทำให้ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมทำงานไม่ดี ยิ่งเหนื่อยมาก ระบบย่อยอาหารแทบถูก shut down
ส่งผลให้ลำไส้เล็กดูดซึมน้ำและคาร์โบไฮเดรตได้ไม่ดี คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกดูดซึม จึงผ่านต่อไปยังลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีแบคทีเรีย ใช้คาร์โบไฮเดรตเหล่านี้ในกระบวนการหมัก ทำให้เกิด แก็ส ส่งผลให้ท้องอืด (bloating) ปวดท้อง (cramping) และท้องเสียแบบถ่ายเป็นน้ำ
นอกจากนี้การวิ่งและปั่น ทำให้เกิดความดันในช่องท้อง (abdominal pressure) เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นอีกปัจจัย ที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้องได้ง่ายขึ้น
? เทคนิคการทานเจลให้พลังงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
? เริ่มทานเจลตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 45 นาที (เพราะระบบการย่อยและดูดซึมยังทำงานได้ดี)
ถ้าเริ่มทานตอนใกล้หมดแรง การดูดซึมจะทำได้ไม่ดี เพราะเลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อหมด
? เลือกเจลที่มีความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับความเข้มข้นเลือด จะทำให้ดูดซึมได้เร็ว และมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต หลายชนิด ที่มีสัดส่วนเหมาะสม ถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ได้หลายช่องทาง ทำให้ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมและเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น#deverenergygel
? หากเป็นไปได้ควรเริ่มใช้เจลจากตอนฝึกซ้อม แล้วดูว่าร่างกายเราตอบสนองอย่างไรโดย ลองจากปริมาณที่ต่ำที่สุดก่อน
” 1 ซอง ทุกๆ 1 ชั่วโมง ” หรือทุกๆ 10-12 กม.ในบุคคลทั่วไป
สักระยะนึงเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว แล้วค่อยๆเพิ่ม เป็น
“1 ซองทุกๆ 45 นาที” หรือทุกๆ 7-8 กม.
DEVER ENERGY GEL
ซึ่งเป็น energy gel แบรนด์แรกของไทย ????? ที่ถูกวิจัยและพัฒนา?ขึ้นจากการร่วมมือกันของผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์ทางการกีฬาและนักกีฬามืออาชีพ
• เนื้อเจลคล้ายไซรัป มีความหนืดต่ำ
และความเข้มข้นระดับที่เหมาะสม ทำให้ผ่านระบบย่อยอาหารได้อย่างรวดเร็ว ดูดซึมได้ง่ายและเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่กล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว
• กลืนง่าย ไม่เหนียวติดคอ รสชาติดี
*** ถ้าได้ลอง DEVER แล้วจะรู้ว่า เจลรสชาติอร่อยๆ ทานง่าย ไม่ติดคอ ให้ผลจริง ก็มีอยู่
เพราะ DEVER ดีต่อใจ และ ร่างกาย ด้วย ***
ติดตามสาระความรู้ด้านโภชนาการทางการกีฬา (sports nutrition) จาก ผู้เชี่ยวชาญของ DEVER ครั้งต่อไปได้ที่
Fanpage : DEVER ENERGY GEL
Official Line : @deverenergy อย่าลืมใส่ แอด นะจ้ะ
#deverenergy
#deverenergygel
#devergel
#sportsnutrition
#thairun
#marathon
#running