ทาน energy gel ต่างจากทานกล้วยหอมอย่างไร ???

เมื่อก่อน… เวลาดูการแข่งขันกีฬาทางโทรทัศน์ ในช่วงพัก จะเห็นภาพนักกีฬาส่วนใหญ่ ปลอกกล้วยแล้วกัดทีละคำ เป็นการเติมพลังระหว่าง การพัก

ในปัจจุบัน ภาพเหล่านั้นจะเห็นน้อยลง ภาพที่เห็นบ่อยขึ้น คือ นักกีฬาหยิบ อะไรบางอย่างขึ้นมาดูด แล้วดื่มน้ำตาม นั่นคือ energy gel

ทาน energy gel เหมือนหรือต่างจากกล้วยหอม อย่างไร …

🔹️ Energy gel 1 ซอง 40 mlให้พลังงานเท่ากับกล้วยหอมลูกใหญ่ 1 ลูก (120 แคลอรี่)

จะเห็นว่าต้องทานกล้วยหอมในปริมาณที่มากกว่าเพื่อที่ให้ได้พลังงานเท่ากัน การทานกล้วยหอมจึงมีโอกาสเสี่ยงต่ออาการจุกมากกว่า

🔹️ Energy gel 1 ซอง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 100% ขณะที่กล้วยหอม 1 ลูกมี คาร์โบไฮเดรตประมาณ 96% โปรตีน 3% และไขมัน 1%

🔹️เวลาในการย่อยและการดูดซึม

Energy gel 1 ซองใช้เวลา 5-10 นาที เมื่อเราทาน Energy gel จะผ่านกระเพาะอาหารเพื่อไปดูดซึมที่ลำไส้เล็กเลย

กล้วยหอม 1 ลูกใช้เวลา 30 นาทีขึ้นไป เพราะกล้วยหอม จะถูกย่อยที่กระเพาะอาหารก่อน และจึงไปดูดซึมที่ลำไส้เล็ก

 ทั้งนี้ขึ้นกับความสุกของกล้วยหอม ยิ่งกล้วยหอมดิบจะดูดซึมได้ช้ากว่ากล้วยหอมสุก

 🔹️ ค่าดัชนี้น้ำตาล หรือค่า GI ซึ่งบอกความเร็วในการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด

Energy gel มีค่า GI >100

กล้วยหอมมีค่า GI = 42-58 ยิ่งดิบยิ่งมีค่า GI ต่ำ

🔹️ น้ำหนัก Energy gel เบากว่ากล้วยหอม หลายเท่าสะดวกในการพกพา และ อายุการเก็บรักษานานกว่า

DEVER ENERGY GEL เจลให้พลังงานแบรนด์แรกของไทย 🇹🇭

ทานง่าย ไม่เหนียวคอ ให้พลังงงานอย่างรวดเร็ว 👍💪💪

🥇DEVER 100 ML ทานแทนขนมปัง หรือ กล้วยหอมก่อนวิ่ง สบายๆ ไม่

ทำให้จุกและให้พลังงานได้นานกว่า

🥇DEVER 40 ML พกพา สะดวก ทานระหว่างวิ่ง ทานง่าย ไม่จำเป็นต้องทานใกล้จุดให้น้ำ

Fanpage : DEVER ENERGY GEL

Official Line : @deverenergy

https://line.me/R/ti/p/%40deverenergy

www.deverenergygel.com

📞  0811717689

#dever

#deverenergy

#deverenergygel

#devernutrition

#marathon

#running

The science behind DEVER 💡💡💡

 นอกจากรสชาติ และความยากง่าย ในการทานที่แตกต่างกันของ energy gel แต่ละชนิดแล้ว

ส่วนประกอบที่แตกต่างกัน ใน energy gel แต่ละชนิด ส่งผลให้ประสิทธิภาพ ไม่เหมือนกันอีกด้วย

— ส่วนประกอบหลักหรือ active ingredient ของ energy gel ที่ให้พลังงานได้อย่างรวดเร็วและทำให้วิ่งได้นานขึ้น คือ สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต —

— คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ใช้ในการวิ่ง —

— ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดที่เป็นส่วนผสมในเจลให้พลังงาน ส่งผลทำให้เจลถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน —

— คาร์โบไฮเดรต ชนิดไหนดูดซึมเร็วหรือช้า จะใช้ค่า GI (Glycaemix index) เป็นตัวบอก GI สูงจะดูดซึมเร็ว GI ต่ำจะดูดซึมช้า

โดยมีค่าอ้างอิง คือ กลูโคส GI = 100 —

🔺️ คาร์โบไฮเดรตชนิดต่างๆที่พบใน energy gel

🔹️ Maltodextrin หรือเรียกอีกอย่างว่า กลูโคสที่ต่อเป็นสายสั้นๆ เป็นคาร์โบไฮเดรต ที่เป็นพระเอกของ energy gel เพราะจะมีความหวานน้อย ดูดซึมได้เร็วมากและให้พลังงานต่อเนื่องได้นาน

ค่า GI = 105 – 126

🔹️ กลูโคส (glucose) หรือถ้าเราอ่านหลังฉลากจะเรียก เด็กซ์โตรส (dextrose) เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของ คาร์โบไฮเดรต ดูดซึมได้เร็ว

🔹️ น้ำตาลทราย หรือน้ำตาล (Sucrose)

เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ ร่างกายต้องย่อยก่อน 1 รอบเพื่อให้ได้ น้ำตาลกลูโคสและฟรุกโตส จึงจะดูดซึม

ยิ่งมีน้ำตาลทรายใน energy gel มากจะทำให้ความเข้มข้นสูงและการดูดซึมช้าลง

📌 ดูปริมาณน้ำตาล ได้จากไหน ???

1. ดูที่ฉลากโภชนาการ ปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด ด้านล่างจะบอกปริมาณน้ำตาล

2. ดูที่ส่วนประกอบสำคัญ ถ้ามีน้ำตาลทรายอยู่อันดับแรกๆ แสดงว่าเป็นส่วนประกอบหลักของ energy gel จึงไม่ควรนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ในการเติมพลังงาน

🔹️ ฟรุกโตส (fructose) หรือน้ำตาลจากผลไม้ เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว เหมือนกลูโคส แต่การดูดซึมจะช้ากว่า

GI = 19

📌 แล้วทำไมต้องใส่ fructose ใน energy gel ???

— การใส่ fructose ทำให้คาร์โบไฮเดรต ดูดซึมและนำไปใช้ในระหว่างวิ่งได้เยอะขึ้น ส่งผลให้ร่างกายดึงพลังงานจากกล้ามเนื้อมาใช้น้อยลง —

 — Maltodextrin หรือ glucose จะดูดซึมที่ลำไส้เล็ก คนละช่องทาง (channel) กับ fructose —

— Maltodextrin ดูดซึมผ่านช่องทางที่ชื่อ GLUT2

Fructose ดูดซึมผ่าน GLUT5 —

— พอดูดซึม คนละช่องทาง จึงไม่ต้องแย่งกันดูดซึม ทำให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตรวมถูกดูดซึมได้เยอะขึ้น —

energy gel บางชนิดใช้สารให้ความหวานชนิดอื่น เช่น

🔹️ Sugar alcohol พวกที่ลงท้ายด้วย -ol เช่น Sorbital, Malitol, Erythritol พวกนี้จะให้พลังงานต่ำมาก มีแค่รสหวาน

🔹️ Artificial sweetener เช่น Acesulfame – K, Sucralose ให้ความหวาน แต่ไม่ให้พลังงาน

ทั้ง Sugar alcohol และ artificial sweetener จึงไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง

📌 ทานเจลแล้วต้องดื่มน้ำตามมั้ย ???

เหตุผลในการดื่มน้ำหลังการทาน energy gel มี 2 ข้อ

1. เจลบางยี่ห้อมีความหนืด ทำให้กลืนลำบาก

ถ้าใช้ DEVER energy gel ตัดความกังวล ข้อนี้ไปได้เลย เพราะความหนืดน้อยมาก ทานง่าย สามารถกลืนได้ทันที ไม่จำเป็นต้องทานใกล้จุดให้น้ำ

2. ช่วยให้เจลดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วขึ้น

การดื่มน้ำตามทำให้ ความเข้มข้นของ energy gel มีค่าที่ใกล้เคียง กับความเข้มข้นของเลือด เราเรียกว่าทำให้เป็น”isotonic”

energy gel จึงสามารถดูดซึมได้ดีและเร็วขึ้น

📌 ต้องดื่มน้ำตาม เท่าไหร่ถึงจะพอ ???

ต้องดื่มน้ำเพื่อให้ค่าความเข้มข้นของเจล ลงมาใกล้ค่าความเข้มข้นของเลือด

1. ต้องรู้ว่าส่วนประกอบของเจล มีอะไรบ้างและปริมาณเท่าไหร่ เพราะคาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิด ต้องใช้น้ำเพื่อเจือจางไม่เท่ากัน

Maltodextrin 1 กรัมต้องดื่มน้ำตามประมาณ 3.3 มิลลิลิตร เพื่อทำให้เป็น isotonic

Fructose และ น้ำตาลทราย 1 กรัม

ต้องดื่มน้ำตาม 19 มิลลิลิตรเพื่อทำให้เป็น isotonic

Sodium 1 กรัมต้องดื่มน้ำตาม 290 มิลลิลิตรเพื่อทำให้เป็น isotonic

จะเห็นว่าถ้ามีปริมาณน้ำตาล หรือ ฟรุกโตส มากจะทำให้ความเข้มข้นสูง  ดูดซึมได้ช้า และ ทำให้ต้องดื่มน้ำตามมาก

DEVER ENERGY GEL 40 ML

มี คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 30 กรัม

Maltodextrin 50% = 26.3 กรัม

ต้องดื่มน้ำตาม

26.3× 3.3 = 87 มิลลิลิตร

Fructose 5% = 2.6 กรัม

Sucrose 2% = 1.1 กรัม

ต้องดื่มน้ำตาม

(2.6 + 1.1) ×19 = 70 มิลลิลิตร

มี Sodium = 55 มิลลิกรัม

ต้องดื่มน้ำตาม

(55/1000)×290= 16 มิลลิลิตร

* เวลาอ่านส่วนประกอบด้านหลังฉลาก มักจะรวมกันไม่ได้ 100% เพราะผู้ผลิตส่วนมากจะไม่ได้ใส่ เปอร์เซนต์ของน้ำ ลงไปด้วย

ดังนั้น DEVER ENERGY 40 ML ต้องดื่มน้ำตาม 87+70+16 = 173 มิลลิลิตร หรือ ประมาณ 1 อึก จะช่วยให้ดูดซึมดีที่สุด

DEVER ENERGY GEL เจลให้พลังงานแบรนด์แรกของไทย คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ทานง่าย ให้พลังงานอย่างรวดเร็ว 🏆

#devernutrition

#dever

#deverenergy

#deverenergygel

#running

#marathon

เจลให้พลังงาน (DEVER energy gel) คืออะไร?

เมื่อเริ่มวิ่งในระยะที่ไกล ขึ้น จากมินิจะขยับไประยะฮาล์ฟหรือมาราธอน … สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่นักวิ่งต้องพกติดตัวไปขณะวิ่ง ก็คือ … เจลให้พลังงาน (energy gel) …


มันคืออะไร ?? ช่วยให้วิ่งจบได้อย่างไร ?? และต้องทานอย่างไร ?? เรามาหาคำตอบกันใน โพสต์นี้

?️ เจลให้พลังงาน (DEVER energy gel) ช่วยในการวิ่งอย่างไร

โดยปกติร่างกายจะใช้พลังงานจาก แหล่งพลังงานหลัก ทั้งคาร์โบไฮเดรตและไขมันในการวิ่ง 

แต่คาร์โบไฮเดรต หรือ ที่เราเรียกว่า ไกลโคเจน (glycogen) เก็บในกล้ามเนื้อได้จำกัด (endogenous carbohydrate) ถ้าเราใช้ไปเรื่อยๆโดยไม่เติมก็จะหมด ร่างกายจะแสดงอาการ

1. ขาจะเริ่มหนักขึ้น จังหวะการก้าวและการแกว่งแขนจะเปลี่ยนไป นักวิ่งบางคนอาจมีอาการโหย ร่วมด้วย

2. ร่างกายจะเปลี่ยนระบบพลังงานมาใช้ไขมันในสัดส่วนที่เยอะขึ้น ทำให้นักวิ่ง ต้องลดความเร็วลง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก และ ไปต่อ แต่ถ้าหากยังฝืนวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม ก็จะเกิดอาการตะคริว ตามมา

… การทานเจลให้พลังงาน จึงเป็นการเติมคาร์โบไฮเดรต (exogenous carbohydrate) ให้ร่างกาย ซึ่งคาร์โบไฮเดรตส่วนนี้จะถูกนำมาใช้ในระหว่างที่เราวิ่งในสัดส่วนที่มาก ส่งผลให้การใช้ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อน้อยลง (ไกลโคเจนหมดช้าลง) … 

ช่วยให้วิ่งต่อเนื่องได้นานขึ้น โดยจะรู้สึกเมื่อยล้า หรือเริ่มหมดแรงช้าลง

… ทำให้เราวิ่งได้เวลาที่ดีขึ้น และสามารถควบคุมความเร็ว (pace) ในการวิ่งได้ดีขึ้น

? ️วิธีการใช้เจลให้พลังงาน (DEVER energy gel) ในการวิ่งระยะต่างๆ

?️ ระยะ fun run (3-5 กม.)

ปกติระยะนี้จะใช้พลังงานในการวิ่งค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ ระยะอื่นๆ ไกลโคเจนที่เก็บสะสมในกล้ามเนื้อ จึงเพียงพอต่อการวิ่ง 

การทานก่อนวิ่งในปริมาณเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกหิว ก็เพียงพอ เช่น DEVER energy gel 40 ml 1 ซอง หรือ กล้วยหอม 1 ลูก

?️ระยะ minimarathon (10 กม.)

โดยเฉลี่ยแล้วนักวิ่งทั่วไปจะใช้เวลาในการวิ่งระยะนี้ 50-90 นาที 

ถ้าไกลโคเจนที่เก็บสะสมในกล้ามเนื้อเพียงพอ นักวิ่งสามารถวิ่งได้ต่อเนื่องจนจบ โดยไม่ต้องเติมพลังงานระหว่างทาง

การเลือกชนิดและปริมาณของอาหารทานก่อนการวิ่งจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญต่อการวิ่งระยะนี้

ปัญหาที่นักวิ่งส่วนใหญ่กังวล คือ กลัวทานแล้วจุกตอนวิ่ง ซึ่งทำให้ทานอาหารได้น้อยลงหรือนักวิ่งบางคนจะหลีกเลี่ยงการทานอาหารไปเลย …

?️️ ก่อนวิ่ง … ควรทานอย่างไรเพื่อให้ได้พลังงานเพียงพอและไม่จุก ???

1. เผื่อเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทานอาหารที่เป็นของแข็ง เช่น ขนมปัง 1 แผ่นหรือ กล้วยหอม 1 ลูกก่อน
(เน้นสารอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น พวกแป้งหรือผลไม้)

และทาน DEVER energy gel 40 ml ก่อนวิ่ง 15 นาที 1 ซอง

2. ถ้ามีเวลาน้อยกว่า 1 ชม.หรือเป็นคนจุกง่าย ให้ทาน DEVER energy gel 100 ml ก่อนวิ่ง 20-30 นาที 1 ซอง

สำหรับนักวิ่งที่ใช้เวลาในการวิ่งเกิน 60 นาที เป็นนักวิ่งหน้าใหม่ หรือ ทานอาหารก่อนวิ่งมาน้อย แนะนำให้ทาน DEVER energy gel 40 ml ระหว่างวิ่ง 1 ซอง

?️ ระยะ halfmarathon (21 กม.) 
และระยะ marathon (42.195 กม.)

นักวิ่งส่วนมากใช้เวลาเฉลี่ย 1.5 -6 ชม. ดังนั้นการเติมพลังงานระหว่างวิ่งจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยให้วิ่งจบและประสิทธิภาพในการวิ่งดีขึ้น เพราะไกลโคเจนที่สะสมในกล้ามเนื้อ ให้พลังงานไม่เพียงพอ

? ️วันก่อนวันแข่งขัน

ควรรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตในสัดส่วนที่สูง เพื่อเติมไกลโคเจนให้เต็ม 

อาหารมื้อหลัก —

☆ เพิ่มข้าว?หรือเพิ่มเส้นก๋วยเตี๋ยว?และผลไม้ในมื้ออาหาร???

อาหารว่าง —

☆ เพิ่มอาหารระหว่างมื้อ ช่วงสาย บ่ายและก่อนนอน
เช่น ขนมปังทาแยม?,น้ำผลไม้, แซนด์วิช,ซีเรียลกับนม?, กล้วยหอม? ลูกเกด, แครกเกอร์?, ข้าวโพดต้ม?, มันต้ม?

?️ วันแข่งขัน

?️ ก่อนวิ่ง … รับประทานเหมือนการวิ่งระยะ 10 K

?️ ระหว่างวิ่ง

ใช้ DEVER energy gel 40 ml ทุกๆ 45-60 นาที จนกว่าจะวิ่งจบ

ตัวอย่าง เช่น ถ้าเราคิดว่าจะวิ่งจบภายใน 2.5 ชม. ควรพก เจลให้พลังงาน 2 ซอง ทานตอน ชั่วโมงที่ 1 และ 2

สำหรับระยะมาราธอน ถ้ารู้สึกหิวระหว่างทาง อาจใช้คาร์โบไฮเดรตที่เป็น ของแข็ง เช่น DEVER energy chews, energy bar หรือ กล้วยตาก ทานสลับกับ DEVER energy gel ระหว่างวิ่งทุกๆ 1 ชม.

? ️เทคนิคการทานเจลให้พลังงาน

? เริ่มทานเจลตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 45 นาที (เพราะระบบการย่อยและดูดซึมยังทำงานได้ดี) 

ถ้าเริ่มทานตอนใกล้หมดแรง การดูดซึมจะทำได้ไม่ดี เพราะเลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อหมด

? เลือกเจลที่มีความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับความเข้มข้นเลือด จะทำให้ดูดซึมได้เร็ว และมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต หลายชนิด ที่มีสัดส่วนเหมาะสม ถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ได้หลายช่องทาง ทำให้ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมและเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น#deverenergygel

? หากเป็นไปได้ควรเริ่มใช้เจลจากตอนฝึกซ้อม แล้วดูว่าร่างกายเราตอบสนองอย่างไรโดย ลองจากปริมาณที่ต่ำที่สุดก่อน 

” 1 ซอง ทุกๆ 1 ชั่วโมง ” หรือทุกๆ 10-12 กม.ในบุคคลทั่วไป 

สักระยะนึงเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว แล้วค่อยๆเพิ่ม เป็น 

“1 ซองทุกๆ 45 นาที”

เรียบเรียง โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการทางการกีฬา DEVER

FB: DEVER ENERGY GEL

Official Line : @deverenergy
https://line.me/R/ti/p/%40deverenergy


#dever
#deverenergy
#deverenergygel
#sportsnutrition
#thairun
#iam
#marathon

สิ้นสุดการรอคอย !!!

DEVER 100 ML

รสองุ่น 🍇

รสส้ม🍊

รสมะนาว🍋

มาแล้วจ้าา ตามคำเรียกร้อง

Q: DEVER 100 ML ใช้ตอนไหน

A:  รับประทานแทนมื้ออาหารก่อนออกกำลังกายเพียง 15 – 30 นาที ดูดซึมได้ไว ทำให้ไม่เสี่ยงต่ออาการจุก เช่น ทานตอนเช้าในช่วงเวลาเร่งรีบ หรือ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรือเลิกงาน … เอาไว้โหลดคาร์บก่อนวิ่งระยะไกล (1-2 วัน) … ก่อนงานวิ่งพวก Midnight run ก็ดีเลยแหละ …

หรือทานระหว่างออกกำลังกายในกรณีที่ออกกำลังกายต่อเนื่องยาวนาน … นักไตรก็พกไว้ตรงจุด transition … นักปั่นก็เปิดจุกใส่กระเป๋าหลังได้เลย …

วิ่งเทรลก็พกไว้ได้ให้พลังงานเยอะดี …

หรือหลังออกกำลังกายทันที เพื่อช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย … ลองทาน DEVER 100 ML กับนม 0% ดูนะ

Q: DEVER 40 ML ใช้ตอนไหน

A: พกไว้ทานระหว่างวิ่งหรือปั่น ด้วยแพคเกจที่ออกมาให้กะทัดรัดพกพาสะดวกและ ฉีกง่ายด้วย Laser cut Technology

Q: DEVER 100 ML ใช้แทน DEVER 40 ML ได้มั้ย

A: ระหว่างการออกกำลัง ทาน DEVER 100 ML ครึ่งซองทุกๆ 45-60 นาทีจะเท่ากับ DEVER 40 ML 1 ซอง

Q: DEVER 100 ML ต่างกับ DEVER 40 ML ยังไง

A: DEVER 100 ML เนื้อสัมผัสจะเป็นแบบเยลลี่ 

มี 7 รสชาติ

แอปเปิ้ล, ผลไม้รวม, ลิ้นจี่, โคล่า, ส้ม, องุ่น, มะนาว

ให้พลังงานเท่ากล้วยหอม 3 ลูก (330 kcal) ให้พลังงานได้นานประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง

DEVER 40 ML เนื้อสัมผัสจะเป็นแบบไซรัป ลื่นคอ ทานง่าย

มี 8 รสชาติ

ส้ม, แอปเปิ้ล, มะนาว, องุ่น, ผลไม้รวม, โคล่า, ลิ้นจี่, เก๊กฮวย

ให้พลังงานเท่ากับกล้วยหอม 1 ลูก (120 kcal) ให้พลังงานได้นานประมาณ 45 นาที

DEVER ENERGY GEL

เจลให้พลังงานแบรนด์แรกของเมืองไทย 🇹🇭🥇🇹🇭ถูกวิจัยและพัฒนา🔬โดยความร่วมมือกันของผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์การกีฬาและนักกีฬามืออาชีพ

• ช่วยให้ร่างกายออกแรงได้มากขึ้นและนานขึ้น

• ลดการเกิดตะคริว

ถ้าได้ลอง DEVER แล้วจะรู้ว่า เจลรสชาติอร่อยๆ ทานง่าย ให้ผลจริง ก็มีอยู่

เพราะ DEVER ดีต่อใจ และ ร่างกาย ด้วย

line@ : @deverenergy

www.deverenergygel.com

#dever

#deverenergy

#deverenergygel

#พาวเวอร์เจล

#powergel

#marathon

ทานเจลแบบไหน ไม่ให้ท้องเสีย ???

ทานเจลแบบไหน ไม่ให้ท้องเสีย ???

นักวิ่งหรือนักปั่น หลายคนคงเคยตัองเข้าห้องน้ำ กลางทางด้วยอาการท้องเสีย (diarrhea) จากการทานเจล

อาการท้องเสียที่เกิดขึ้น จากการทานเจลระหว่างการวิ่งหรือปั่น เกิดจากคนละสาเหตุกับอาการท้องเสีย จากอาหารเป็นพิษ

ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ (secretory diarrhea) เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อน เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือ ปรสิต ซึ่งมักมีอาการภายหลังจากการรับประทานอาหาร เป็นชั่วโมง และหลังจากหยุดทานอาหารชนิดนั้นก็ยังไม่หาย

ส่วนท้องเสียจากการทานเจลระหว่างการออกกำลัง (osmotic diarrhea) ไม่ได้เกิดจากการปนเปื้อนของอาหาร

แต่เกิดเนื่องจากการรับประทานเจลที่มีความหนืดหรือความเข้มข้นสูง แล้วดื่มน้ำตามไม่เพียงพอหรือเกิดจากการทานเจลในภาวะที่ร่างกายขาดน้ำ (dehydration) เช่น ตอนที่ร่างกายเสียเหงื่อในปริมาณมาก

เจลให้พลังงานมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูงเมื่อเทียบกับ ปริมาตร (hypertonic) หรือถ้าพูดง่ายๆ คือต้องการน้ำเพื่อช่วยลดความเข้มข้นของเจลลง ในการดูดซึมที่ลำไส้เล็ก …

หากเราดื่มน้ำตามไม่พอ … น้ำจากเลือดจะถูกดึงมาที่ลำไส้เล็ก เพื่อช่วยในการดูดซึม คาร์โบไฮเดรตและแร่ธาตุในเจล …

แต่เมื่อเรายิ่งวิ่ง ยิ่งเหนื่อย ร่างกายเสียน้ำ ออกทางเหงื่อมากขึ้น น้ำจึงถูกแบ่งมาช่วยในการดูดซึมน้อยลง

ประกอบกับ กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้น เลือดส่วนใหญ่จึงถูกส่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ใช้งาน เพื่อนำสารอาหารและออกซิเจนไปให้กล้ามเนื้อ รวมถึงนำของเสียและ กรดแลคติก (lactic acid) ออกจากกล้ามเนื้อ …

ดังนั้นเลือดที่มาเลี้ยงระบบย่อยอาหารจะลดลง กระบวนการนี้เรียกว่า (vascular shunt mechanism) ทำให้ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมทำงานไม่ดี ยิ่งเหนื่อยมาก ระบบย่อยอาหารแทบถูก shut down

ส่งผลให้ลำไส้เล็กดูดซึมน้ำและคาร์โบไฮเดรตได้ไม่ดี คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกดูดซึม จึงผ่านต่อไปยังลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีแบคทีเรีย ใช้คาร์โบไฮเดรตเหล่านี้ในกระบวนการหมัก ทำให้เกิด แก็ส ส่งผลให้ท้องอืด (bloating) ปวดท้อง (cramping) และท้องเสียแบบถ่ายเป็นน้ำ

นอกจากนี้การวิ่งและปั่น ทำให้เกิดความดันในช่องท้อง (abdominal pressure) เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นอีกปัจจัย ที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้องได้ง่ายขึ้น

? เทคนิคการทานเจลให้พลังงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

? เริ่มทานเจลตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 45 นาที (เพราะระบบการย่อยและดูดซึมยังทำงานได้ดี)

ถ้าเริ่มทานตอนใกล้หมดแรง การดูดซึมจะทำได้ไม่ดี เพราะเลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อหมด

? เลือกเจลที่มีความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับความเข้มข้นเลือด จะทำให้ดูดซึมได้เร็ว และมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต หลายชนิด ที่มีสัดส่วนเหมาะสม ถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ได้หลายช่องทาง ทำให้ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมและเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น#deverenergygel

? หากเป็นไปได้ควรเริ่มใช้เจลจากตอนฝึกซ้อม แล้วดูว่าร่างกายเราตอบสนองอย่างไรโดย ลองจากปริมาณที่ต่ำที่สุดก่อน

” 1 ซอง ทุกๆ 1 ชั่วโมง ” หรือทุกๆ 10-12 กม.ในบุคคลทั่วไป

สักระยะนึงเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว แล้วค่อยๆเพิ่ม เป็น

“1 ซองทุกๆ 45 นาที” หรือทุกๆ 7-8 กม.

DEVER ENERGY GEL

ซึ่งเป็น energy gel แบรนด์แรกของไทย ????? ที่ถูกวิจัยและพัฒนา?ขึ้นจากการร่วมมือกันของผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์ทางการกีฬาและนักกีฬามืออาชีพ

• เนื้อเจลคล้ายไซรัป มีความหนืดต่ำ 
และความเข้มข้นระดับที่เหมาะสม ทำให้ผ่านระบบย่อยอาหารได้อย่างรวดเร็ว ดูดซึมได้ง่ายและเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่กล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว

• กลืนง่าย ไม่เหนียวติดคอ รสชาติดี

*** ถ้าได้ลอง DEVER แล้วจะรู้ว่า เจลรสชาติอร่อยๆ ทานง่าย ไม่ติดคอ ให้ผลจริง ก็มีอยู่

เพราะ DEVER ดีต่อใจ และ ร่างกาย ด้วย ***

ติดตามสาระความรู้ด้านโภชนาการทางการกีฬา (sports nutrition) จาก ผู้เชี่ยวชาญของ DEVER ครั้งต่อไปได้ที่

Fanpage : DEVER ENERGY GEL

Official Line : @deverenergy อย่าลืมใส่ แอด นะจ้ะ

#deverenergy
#deverenergygel
#devergel
#sportsnutrition
#thairun
#marathon
#running

www.deverenergy.net

รางวัล “7 Innovation Awards 2019”

DEVER ENERGY GEL

ได้รับรางวัล “7 Innovation Awards 2019” ประเภท Inventor Awards ด้านเศรษฐกิจ 🏆

รางวัลนี้คืออะไร ??

เป็นรางวัลที่ให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ จัดโดยความร่วมมือจากองค์กร 11 องค์กร อาทิ CPALL, SET, สวทช, THAI-BISPA …

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา DEVER ENERGY GEL เป็นเจลให้พลังงานแบรนด์ไทยเจ้าแรก ที่คิดค้นวิจัย และพัฒนา เจลให้พลังงาน เพื่อนำมาให้นักกีฬาไทยได้ใช้รวมถึงผู้ที่ออกกำลังกายทั่วๆไป

DEVER ได้คิดค้นเจลให้พลังงาน ที่ปรับระดับของความหนืดลงทำให้สามารถรับประทานได้ง่ายและไม่ติดคอ  นอกจากนั้นยัง ทำให้รสชาติอร่อย เหมือนทานน้ำผลไม้

ทางบริษัทยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ให้ได้มากที่สุด

DEVER ENERGY GEL ต้องขอขอบคุณ ลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน และผู้มีส่วนร่วมทุกคน เป็นอย่างสูง

และพบกับพวกเรา DEVER ENERGY GEL ตามงานสำคัญๆ ตลอดทั้งปีนี้นะคะ ❤

#dever

#deverenergy

#deverenergygel

#7innovationawards2019

วิ่งฮาล์ฟต้องกินเจลมั้ย ???

เมื่อเริ่มวิ่งระยะทางไกลขึ้น จาก 5 K เป็น 10 K เป็น 21 K จนกระทั่ง ถึง มาราธอน … คำถามที่มักพบบ่อย คือ ต้องกินเจลมั้ย แล้ว ควรกินตอนไหนดี ???

นักวิ่งบางคนบอกว่า ฮาล์ฟไม่ต้องกินหรอก ค่อยใช้ตอน ฟูลมาราธอน

บางคนบอก ฮาล์ฟก็ต้องเริ่มใช้แล้ว

เราจะเชื่อใครดีหล่ะ …

ปัจจัยที่จะตัดสินว่าเราควรใช้ energy gel หรือไม่

1. ระดับพลังงานสะสม (glycogen stores level) ของร่างกาย
ก่อนที่จะวิ่ง เหมือนเช็คว่า ร่างกายมีน้ำมันอยู่ขีดไหน จะวิ่งได้ไกลเท่าไหร่

โดยปกติร่างกายจะใช้พลังงานจาก แหล่งพลังงานหลัก ทั้งคาร์โบไฮเดรตและไขมันในการวิ่ง

ยิ่งวิ่งเร็วยิ่งใช้คาร์โบไฮเดรต ในสัดส่วนที่เยอะขึ้น เพราะ คาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนเป็นพลังงานได้เร็วกว่าไขมัน

แต่คาร์โบไฮเดรต หรือ ที่เราเรียกว่า ไกลโคเจน (glycogen) เก็บในกล้ามเนื้อได้จำกัด ถ้าเราใช้ไปเรื่อยๆโดยไม่เติมก็จะหมด

ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตที่เก็บได้ใน ร่างกายแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน คนตัวใหญ่ เก็บได้มากกว่า คนตัวเล็ก คนที่ซ้อมมาดี เก็บได้มากกว่า คนที่ซ้อมน้อย …

ถ้าไกลโคเจนใกล้หมดกลางทางจะเกิดอะไรขึ้น ???

➡️ ขาจะเริ่มหนักขึ้น จังหวะการก้าวและการแกว่งแขนจะเปลี่ยนไป นักวิ่งบางคนอาจมีอาการโหย ร่วมด้วย

➡️ ร่างกายจะเปลี่ยนระบบพลังงานมาใช้ไขมันในสัดส่วนที่เยอะขึ้น ทำให้นักวิ่ง ต้องลดความเร็วลง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก และ ไปต่อ แต่ถ้าหากยังฝืนวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม ก็จะเกิดอาการตะคริว ตามมา

?เช็คระดับพลังงานสะสม ยังไง ???

✔ ปริมาณ คาร์โบไฮเดรต ที่ทานก่อนวันวิ่ง

ถ้ารับประทาน อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต เช่น ผลไม้ ข้าว แป้ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวโพด เผือก มัน น้ำผลไม้ ในปริมาณน้อย ก่อนการวิ่ง จะส่งผลให้ระดับพลังงานสะสมก่อนวิ่งต่ำ

✔ มีการลดความหนักของการฝึกซ้อม (taper) หรือไม่

การลดความหนักของการฝึกซ้อม ช่วยลดปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องใช้ (energy expenditure) ส่งผลให้ร่างกายมีระดับพลังงานสะสมเพิ่มขึ้น

2. ความหนัก (intensity) ของการวิ่ง

สิ่งที่ใช้วัดความหนักของการวิ่ง ได้แก่

?PACE ในการวิ่ง

ยิ่งวิ่ง PACE ต่ำแสดงว่าใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตในสัดส่วนที่มาก

?อัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate)

อัตราการเต้นของหัวใจ ตั้งแต่ zone 3; Aerobic zone (ประมาณ 70-80% ของ Maximum heart rate) ขึ้นไป ถ้าไม่มีนาฬิกาวัด heart rate ให้สังเกตว่า ระหว่างวิ่งจะพูดได้เป็นคำสั้นๆ ไม่เต็มประโยค

ร่างกายจะเริ่มใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก

โดยปกติถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูงจะใช้คาร์โบไฮเดรตประมาณ 2-3 กรัม ต่อ นาที

ถ้าวิ่งด้วยความเร็วปานกลางจะใช้คาร์โบไฮเดรตประมาณ 1-2 กรัม ต่อ นาที

3. ระยะเวลา (duration) ในการวิ่ง

ยิ่งวิ่งนานกว่าขึ้น พลังงานก็จะถูกใช้เยอะขึ้น โดยปกติถ้าโหลด คาร์โบไฮเดรตก่อนวิ่งให้เต็มกล้ามเนื้อจะสามารถวิ่งด้วยความเร็วปานกลางได้นานประมาณ 1.5 ชม.

4. ความร้อนและความชื้น (heat and humidity)

อากาศที่ร้อนและอบอ้าว ร่างกายจะใช้พลังงานในการวิ่งมากกว่าปกติ ส่งผลให้ พลังงานที่เก็บสะสมก็จะหมดเร็วกว่าปกติ

จากปัจจัย 4 ข้อหลักๆ ข้างต้น จะเป็นตัวบอก เราได้ว่า ควรใช้ energy gel ใน race นั้นๆหรือไม่ และ ควรจะใช้ตอนไหนและปริมาณเท่าไหร่

+++ สำหรับ นักวิ่งที่ลง ฮาล์ฟแรก +++

ถ้าโหลดคาร์โบไฮเดรต วันก่อนวิ่งมาน้อย ทานข้าวไม่ครบสามมื้อ หรือ ทานน้อยกว่าปกติ

ฝึกซ้อมต่อเนื่องเกือบทุกวันและเวลาในการ Taper น้อย

การวิ่ง 10 K ที่ผ่านมา ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีขึ้นไป

ควรเริ่มใช้ DEVER 100 ml 1 ซองหรือ DEVER 40 ml 2 ซอง ก่อนปล่อยตัว ประมาณ 30 นาที เพื่อเติมพลังงานสะสมในกล้ามเนื้อ

ระหว่างวิ่ง ใช้ DEVER 40 ml ทุกๆ 45-60 นาที

Tips

? เริ่มทานเจลตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 45 นาที (เพราะระบบการย่อยและดูดซึมยังทำงานได้ดี)

ถ้าเริ่มทานตอนใกล้หมดแรง การดูดซึมจะทำได้ไม่ดี เพราะเลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อหมด

? เลือกเจลที่มีความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับความเข้มข้นเลือด จะทำให้ดูดซึมได้เร็ว และมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต หลายชนิด ที่มีสัดส่วนเหมาะสม ถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ได้หลายช่องทาง ทำให้ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมและเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น#deverenergygel

? หากเป็นไปได้ควรเริ่มใช้เจลจากตอนฝึกซ้อม แล้วดูว่าร่างกายเราตอบสนองอย่างไรโดย ลองจากปริมาณที่ต่ำที่สุดก่อน

” 1 ซอง ทุกๆ 1 ชั่วโมง ” หรือทุกๆ 10-12 กม.ในบุคคลทั่วไป

สักระยะนึงเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว แล้วค่อยๆเพิ่ม เป็น

“1 ซองทุกๆ 45 นาที” หรือทุกๆ 7-8 กม.

#dever
#deverenergy
#deverenergygel
#running
#bangsaen21
#halfmarathon

Line id : @deverenergy
IG : deverenergy
www.deverenergy.net

เจลให้พลังงาน (Energy gel) vs เครื่องดื่มเกลือแร่ (Sports drink) ต่างกัน ยังไงนะ ???

?หน้าที่ของ energy gel ?

Energy gel ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต ที่ดูดซึม ได้เร็ว เช่น มอลโตเด็กซ์ตริน เป็นหลัก

หน้าที่หลัก คือ การให้พลังงานที่รวดเร็ว แก่ร่างกาย

?หน้าที่ของ sports drink?

Sports drink หรือ เครื่องดื่มเกลือแร่ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต จำพวกน้ำตาลทราย (ซูโครส) เป็นหลัก ซึ่งจะดูดซึมได้ช้ากว่า พวกมอลโตเด็กซ์ตริน ใน energy gel หลายเท่า แต่จะมีเกลือแร่ เช่น โซเดียม (Sodium) โพแทสเซียม (Potassium) แมกนีเซียม (Magnesium) คลอไรด์ (Chloride) ในปริมาณที่มากกว่า energy gel

เครื่องดื่มเกลือแร่ จึงทำหน้าที่ชดเชยการสูญเสียน้ำ (Rehydration) เป็นหลัก โดยมีเกลือแร่ เป็นตัวช่วยพาโมเลกุลของน้ำเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้เร็วกว่าการดื่มน้ำเปล่า 

เครื่องดื่มเกลือแร่จึงถูกนำมาใช้ในสภาวะที่ร่างกายมีการสูญเสียเหงื่อเยอะ เช่น การออกกำลังกายในสภาพอากาศที่อบอ้าวและร้อนจัดต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง 

แต่ถ้าออกกำลังกายในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ได้เสียเหงื่อเยอะมาก การดื่มน้ำเปล่า ก็เพียงพอแล้ว

? Energy gel และ Sports drink ทำงานร่วมกันอย่างไร

น้ำเป็นองค์ประกอบหลักของเลือด ซึ่งถ้าร่างกายขาดน้ำเลือดจะข้นขึ้น ทำให้การลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปให้กับกล้ามเนื้อช้าลง รวมถึงการนำของเสียออกจากกล้ามเนื้อก็ช้าลงด้วย ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายลดลง 

ดังนั้นถ้านักกีฬาชดเชยการสูญเสียน้ำได้ดี ก็จะทำให้เลือดหมุนเวียนไปยังกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น energy gel จึงสามารถดูดซึมได้เร็วขึ้น 

? วิธีการทาน energy gel และ ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ใน race

1. การดื่มเกลือแร่

ควรดื่มที่ความเข้มข้นต่ำ (น้อยกว่าความเข้มข้นของเลือด) เพื่อทำให้น้ำดูดซึมได้ดีขึ้น

เครื่องดื่มเกลือแร่ขวดเล็ก โดยปกติมักจะมีความเข้มข้นสูง เวลาดื่มควรดื่มน้ำตามในปริมาณมากหน่อย เช่น 
เกลือแร่ : น้ำ 1:2 อึก

2. การทานเจล 

ควรเริ่มทานตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 45 นาที (เพราะระบบการย่อยและดูดซึมยังทำงานได้ดี) และทานทุกๆ 45 – 60 นาทีระหว่างการแข่งขัน จนกว่าจะจบการแข่งขัน

ถ้าเริ่มทานตอนใกล้หมดแรง การดูดซึมจะทำได้ไม่ดี เพราะเลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อหมด

3. ถ้าต้องดื่มเกลือแร่ ในเวลาที่ใกล้เคียงกับการทานเจล ควรดื่มน้ำตามมากกว่าปกติหลังดื่มเกลือแร่เพื่อเจือจางความเข้มข้นลง และช่วยให้เจลดูดซึมได้เร็วขึ้น 

DEVER ENERGY GEL เจลให้พลังงานแบรนด์แรกของไทย ?? (since 2011) ทานง่าย ไม่เหนียวคอ ดูดซึมและให้พลังงานอย่างรวดเร็ว
คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์การกีฬาและนักกีฬาทีมชาติไทย

พบกับสาระด้านโภชนาการทางการกีฬาโดยผู้เชี่ยวชาญจาก DEVER ครั้งต่อไปได้ที่

Facebook : dever energy gel
IG: deverenergy
Line id : @deverenergy

https://line.me/R/ti/p/%40deverenergy

อย่าลืมใส่ แอด นะจ้ะ

#dever
#deverenergy
#deverenergygel
#devernutrition
#thairun
#marathon
#bangsaen42
#bangkokmarathon2018

เริ่มกิน energy gel ต้องกินยังไง ❓❓

เมื่อเพิ่มระยะทางในการปั่นหรือการวิ่งให้ไกลขึ้น การเติมพลังงานให้กับร่างกายเพื่อให้ถึงเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ 

Q : เริ่มกิน energy gel ต้องกินยังไง ❓❓

อย่างที่รู้กันว่า ในการออกกำลังกาย ยิ่งเหนื่อยมาก ความหนักมาก หัวใจเต้นเร็ว ร่างกายจะใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก 

ปัญหา คือ 

1. ร่างกายเก็บพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต (ไกลโคเจน)ที่กล้ามเนื้อและตับได้จำกัด ถ้าไกลโคเจนเหลือต่ำกว่า 30-50% ร่างกายจะเริ่มแสดงอาการเมื่อยล้า และ performance จะลดลง

2. ขณะที่ออกกำลังกาย ร่างกายต้องใช้พลังงานมาก แต่ไม่สามารถ กิน ให้ เท่ากับ พลังงานที่ใช้ (energy output > energy intake) เนื่องจาก การทำงานของระบบการย่อยและการดูดซึมจะลดลง 

คำถามของ ผู้ที่ออกกำลังกาย จึงมีอยู่ว่า …
” ทำอย่างไรให้ กิน ให้ได้พลังงานเพียงพอ เพื่อที่จะออกกำลังกายได้ต่อเนื่อง นานขึ้น เมื่อมีข้อจำกัดในการย่อยและดูดซึมอาหาร ??? “

?energy gel คืออะไร ??

?energy gel ไม่ใช่อาหารเสริม เป็นอาหารธรรมดา ที่มี สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบหลัก…
เหมือนเราทานข้าว กล้วยหรือขนมปัง เพียงแต่มันถูกย่อยมาแล้ว เราจึงไม่ต้องเคี้ยวและรอเวลาย่อย … energy gel พร้อมที่จะดูดซึมและเปลี่ยนเป็นพลังงานทันที เราทานในปริมาณที่น้อยแต่ให้พลังงานสูงทำให้ไม่เสี่ยงต่ออาการจุกเหมือนเราทานอาหารที่เป็นของแข็ง… จึงเหมาะที่จะนำมาใช้ช่วงก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกายทันที

?energy gel ช่วยอะไร??

? การทานเจลเปรียบเสมือนการเติมน้ำมันให้ร่างกาย ช่วยให้ออกกำลังกายต่อเนื่องได้นานขึ้น โดยที่ไม่เกิดอาการเมื่อยล้า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
(hypoglycemia) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการหน้ามืดและเวียนหัว เวลาที่เราออกกำลังกายต่อเนื่องนานๆ

?ทานกล้วยหรือแตงโม ต่างกับทานเจล อย่างไร ?? 

?กล้วยและแตงโมใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมนานกว่าเจล และต้องทานในปริมาณมากกว่าถึงได้พลังงานเท่ากับเจล

?เลือก energy gel แบบไหนดี ??

? เจลแต่ละยี่ห้อไม่ได้ต่างกันแค่รสชาติและความยากง่ายในการทาน 
แต่ยังแตกต่างที่ส่วนประกอบภายในเจล ระดับความเข้มข้น ซึ่งมีผลต่อการดูดซึมของร่างกาย

เจลที่ดีควรมีความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับความเข้มข้นเลือด จะทำให้ดูดซึมได้เร็ว และมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต หลายชนิด ที่มีสัดส่วนเหมาะสม ถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ได้หลายช่องทาง ทำให้ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมและเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น #deverenergygel

?ร่างกายควรเติมคาร์โบไฮเดรตตอนไหนและปริมาณเท่าไหร่

บางคนบอกทุก 10 กิโลบ้าง 14 กิโลบ้าง… บางคนบอกตอนที่เริ่มหมดแรง

? ถ้าเรารู้ว่าออกกำลังกายต่อเนื่องเกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง เราควรเติมพลังงานระหว่างออกกำลังกาย เพื่อให้ออกกำลังกายต่อเนื่องได้ โดยประสิทธิภาพของการออกกำลังกายยังเหมือนเดิม …

Tips

?เริ่มทานตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 45 นาที (เพราะระบบการย่อยและดูดซึมยังทำงานได้ดี) และทานทุกๆ 45 – 60 นาทีระหว่างการแข่งขัน จนกว่าจะจบการแข่งขัน

ถ้าเริ่มทานตอนใกล้หมดแรง การดูดซึมจะทำได้ไม่ดี เพราะเลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อหมด

? ควรเริ่มใช้เจลจากตอนฝึกซ้อม แล้วดูว่าร่างกายเราตอบสนองอย่างไรโดย ลองจากปริมาณที่ต่ำที่สุดก่อน 

” 1 ซอง ทุกๆ 1 ชั่วโมง ” หรือทุกๆ 10-12 กม.ในบุคคลทั่วไป 

สักระยะนึงเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว แล้วค่อยๆเพิ่ม เป็น 

“1 ซองทุกๆ 45 นาที” หรือทุกๆ 7-8 กม. 

?สำหรับคนที่รูปร่างใหญ่ หรือ หมดแรงง่ายควรเพิ่มปริมาณหรือความถี่ในการทาน

?ควรจำลองสถานการณ์การแข่งในระหว่างการฝึกซ้อม แล้วฝึกทานเจล เพื่อให้รู้ timing ในการทานเจลที่เหมาะสมและได้ประสิทธิผลมากที่สุด

?ควรฝึกให้ระบบย่อยคุ้นเคย กับการรับประทานในสภาวะที่ร่างกายเหนื่อยมากๆ เช่น Tempo run, ช่วงท้ายๆของการฝึกซ้อมหรือ long run , ระหว่าง interval sets เพื่อให้ระบบย่อยปรับตัวรับปริมาณพลังงานจากอาหารได้มากขึ้น

? ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้ทาน ในกรณีที่เราออกกำลังกายต่อเนื่อง

♦1-2 ชม.(วิ่งระยะฮาล์ฟ) 

➡ 30 กรัมต่อชั่วโมง 

(Dever 40 ml 1 ซองหรือ Dever 100 ml 1/2 ซอง)

♦2-3 ชม. (วิ่งระยะฮาล์ฟ หรือ ระยะฟูลกลุ่ม elite, การฝึกซ้อมกีฬาโดยทั่วๆไป

➡60 กรัมต่อชั่วโมง

(Dever 40 ml 2 ซองหรือ Dever 100 ml 2/3 ซอง) โดยแบ่งรับประทานทุกครึ่ง ชม.

♦3 ชั่วโมงขึ้นไป (ระยะฟูลมาราธอน และ ironman)

➡ 90 กรัมต่อชั่วโมง
(Dever 100 ml 1 ซอง)

Guideline ด้านบนเป็นคำแนะนำคร่าวๆ นักกีฬาควรปรับปริมาณตามความเหมาะสมของตนเอง

พบกับสาระด้านโภชนาการทางการกีฬาจากผู้เชี่ยวชาญของ DEVER ENERGY GEL ได้ที่

Line id : @deverenergy
Facebook : dever energy gel
IG: deverenergy

#deverenergy
#deverenergygel
#deverenergychews
#thairun
#devernutrition

มีคนถามแอดว่าทาน DEVER ช่วงเทศกาลกิน เจ ได้มั้ย …

มีคนถามแอดว่าทาน DEVER ช่วงเทศกาลกิน เจ ได้มั้ย …

มั่นใจได้เลยว่า  ผลิตภัณฑ์ของ DEVER ทุกชนิด ผู้ที่ทานเจ สามารถทานได้ นะะะ

⛤ ส่วนผสมของเราสกัดมาจากพืช ไม่มีส่วนประกอบใดที่มาจากสัตว์ จ้า ทานได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวล ⛤

นอกจากนี้แล้ว แอดยังมี

“เทคนิคการรับประทานอาหารช่วงการกินเจ”

เพื่อให้การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง การปั่นหรือการว่ายน้ำมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม อีกด้วยนะะ 💪💪💪

1. แน่นอนว่า ช่วงเจสำหรับหลายๆคน ก็จะมีเมนูผักเพิ่มขึ้น แต่ลองเช็คให้ดีนะว่า ก่อนการออกกำลังกาย ไม่ควรทาน ในปริมาณมากเกินไป เพราะผักเป็นไฟเบอร์ จะทำให้เราท้องอืด ระหว่างการออกกำลังกาย ได้

2. หลีกเลี่ยงอาหาร มันๆ เช่น เต้าหู้ทอด เผือกทอด และอาหารทอดหรือ ผัดน้ำมันเยอะๆ ก่อนออกกำลังกาย เพราะ ไขมันใช้เวลาย่อยนาน และจะไปรบกวนการทำงานของกล้ามเนื้อ ขณะที่เราออกกำลังกาย

เลือกการปรุงอาหารแบบนึ่ง ต้มหรือตุ๋นแทน ดีกว่า

3. รับประทานโปรตีนให้เพียงพอ ผู้ที่ออกกำลังกาย ร่างกายต้องการสารอาหารประเภทโปรตีนมากกว่า บุคคลธรรมดา เพื่อซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งาน

เต้าหู้ ถั่ว ธัญพืช โปรตีนทดแทน และ นมถั่วเหลือง ก็ถือเป็นแหล่งโปรตีน ที่สำคัญ สำหรับคนที่ทานเจ

4. การรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ก่อนการออกกำลังกาย มักเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะอาหารประเภทแป้ง มักมา พร้อมไขมัน เลือก อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต สูง ไม่มีไขมันก่อนการออกกำลังกาย เช่น DEVER energy gel หรือ ผลไม้ชนิดต่างๆ

ทีมโภชนาการทางการกีฬา

DEVER ENERGY GEL

#dever

#deverenergy

#deverenergygel

#กินเจ

#เทศกาลกินเจ